ผมได้ไปเข้าร่วมประชุมนี้ โดยออกเดินทางตั้งเเต่เช้า
เเต่เนื่องจการถติดทำให้ไปถึงช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย
ได้ทันเข้าฟังท่านอธิบดีบรรยาย
เรื่อง "การกำหนดกรอบ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เเผนที่ยุทธศาสตร์ กรมควบคุมโรค ปี 2554-2557"
เนื่องจากเข้าไปที่หลัง ที่นั่งก็เต็ม
เลยจำเป็นต้องไปนั่งโต๊ะที่มีเสาบัง
พยายามเข้าไปขอนั่งที่ว่างๆ
เเต่เนื่องจากกรมเรามีการห่วงใยคนอื่นกันดีมาก
มีการจองเก้าอี้ให้กันด้วย (ถึงเเม้จะมาสายเกือบประชุมเสร็จ)
ทำให้เห็นจอได้เพียง 1 ใน 3
เเต่ด้วยความสามารถ ไม่เห็นจอก็ไม่เป็นไร ฟังเอาก็ได้
เเละอาศัยที่พิมพ์ดีดเร็ว
จึงฟังไปเเล้วพิมพ์บันทึกในโปรเเกรมไดอารีย์ของผมไปเรื่อยๆกันลืม
วันนั้นเป็นครั้งเเรกที่หมอหนุ่มอย่างผมได้มีโอกาสเข้าไปนั่งฟังในวงใน
ทำให้ทราบหลายเรื่องที่ไม่เคยมาก่อน
ผมคงไม่เล่าทั้งหมดเเต่จะยกประเด็นที่ท่านอธิบดีให้ความสำคัญ
เเละก็คิดว่าการนำมาเสนอให้ท่านอื่นๆ ใน สคร.8 ทราบ
เพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตา ทำให้ทำงานได้อย่างมั่นใจ
ก็คงจะไม่ผิดระเบียบข้อไหน
หลายๆประโยค อาจขาดความต่อเนื่อง
เเต่อัจริยภาพของคนใน สคร.8 คงจะจับประเด็นอะไรได้สบายอยู่เเล้ว
ลองอ่านที่ผมโน๊ตมานะครับ
- จะมีกฏกระทรวงกำหนดกรอบ หน้าที่ของกรมควบคุมโรคออกมาใหม่ คาดว่าจะใช้ได้ต้นเดือนมกราคมนี้ รายละเอียดอ่านได้จากเว็บไซด์ของกรม โดยมาตรา 8 มีการกำหนดเรื่องการให้บริการไว้ดังนี้ "จัดให้มีบริการป้องกัน ควบคุม รักษา และฟื้นฟูสภาพโรคและภัยที่คุกคามสุขภาพ
ตลอดจนแหล่งแพร่โรค เพื่อให้ได้องค์ความรู้ในการพัฒนาวิชาการตามภารกิจของกรม" หมายความว่ากรมควบคุมโรคเราไม่ได้ให้บริการเหมือนกับโรงพยาบาลเเต่จะเน้นให้เพื่อพัฒนาวิชาการเท่านั้น - การทำงานต้องก้าวไปถึง impact อย่ามัวหยุดอยู่ที่ process/ output /outcome
- อย่ามัวเเต่ทำวิจัยเชิงขึ้นหิ้ง
- การพัฒนาคน 4 เเบบต้องมี ความรู้ เข้าใจ ชำนาญ เเละ ทัศนคติ
- ไม่ต้องกลัวบัตรสนเทส
- ต้องสนใจการเปลี่ยนเเปลง
- เน้น: ไม่มีกันเงินไว้ถ้าไม่มีโครงการ
- คิดใหญ่ อย่าคิดเล็ก คิดบวก ไม่คิดลบ
- มีความคิดดีเเล้วไม่มีเงินให้มาบอกอธิบดี เพราะสิ้นปีเงินเหลือทุกปี เเต่ระหว่างปีไม่มีตังส์
- เลิกบทบาทที่เป็นprogram manager ที่สมองเล็กเเต่มือเท้าใหญ่
เปลี่ยนเป็นมือเล็ก เเต่สมองใหญ่หรือเปล่าไม่รู้?? - คน
กรม คร มีคนเยอะ (อายุเฉลี่ย 45 ปี)
กรม ต้องมีคนใช้สมองเยอะ จึงไม่ต้องมีปฏิบัติการมากก็ได้
คำถามคือต้องทำอย่างไรให้ใช้คนให้คุ้มค่า??
คนในกรมมีความเชี่ยวชาญเหมือนเดิมเเต่ คนที่อยู่จังหวัดต่างๆมีความเชี่ยวชาญมาขึ้นมาก
เมื่อเทีียบกับกรม คร ทำให้เขาไปไกล เเต่เราเท่าเดิม
ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลเเม่เเละเด็ก ที่เเต่ก่อนเก่งที่สด เเต่ตอนนี้ รพศ รพท เก่งเเละมีคนมาก
ยกตัวอย่างของกรมเช่น กามโรค วัณโรคซึ่งกรมเชี่ยวชญเพราะจังหวัดไม่อยากทำเพราะมันเล็ก
บางเรื่องไม่ต้องไปยุ่ง เราต้องเชี่ยวชาญในสิ่งที่เขา(ชาวบ้าน) ไม่เชี่ยวชาญ - งบประมาณ
อย่่าเอาเรื่องนี้เป็นข้อจำกัด ที่ใช้ไปเป็นเเบบบไร้ประสิทธิภาพเยอะไป
เเต่ต้องทำใจกับระบบราชการ - ผลผลิต
เวลาไปต่อรองของบเขาตอนตั้งงบประมาณ เเต่ปลายปีเงินเหลือ
การบริหารงบประมาณเ้ป็นหัวใจ
ระวัง: เรื่องดีๆๆ ไม่มีตังส์ทำงาน - ผลผลิตที่ 1 องค์ความรู้เเละเทคโนโลยี
- กล่าวถึงเรื่อง งานวิจัย
กรมวิทย์ควรทำวิจัยมากที่สุด เพราะมีนักวิจัยจริงๆ
กรม คร ไม่มีนักวิจัยโดยตรง มีเเต่นักวิชาการ
อธ: เสนอ อยากได้องค์ความรู้อะไร
ต้องการเทคโนโลยีขนาดไหน เเล้วส่งต่อให้กรมวิทย์ เเล้วให้ตังส์ไปทำต่อ
เราขาดการตอบคำถามจากผลกระทบจากโครงการต่างๆ
ยกตัวอย่างเรื่องการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีคนอื่นมาอ้างจำนวนคนตาย
กรม คร ต้องควรตอบโต้ด้วยเหตุผลเเละให้การระมัดระวัง
ควรมีเอกสารววิชาการออกมาเพื่อยืนยัน (อธ บอกว่าต้องย้ำเรื่องนี้)
กรม ต้องวิจัยตามความสามารถ
หากต้องการอะไรเพิ่ม ต้องการพันธมิตร
(สถิติ เคยทำ 81 เเต่เสร็จ 11 เรื่อง) - ผลผลิตที่ 2.เรื่องหน่วยงาน
- การบริหารจัดการองกร pmqa
ทำงายขึ้นว่าจะทำหรือเปล่า
การประเมินยังอ่อนไป ตัวชี้วัดยังเบาๆ
ถ้าไม่ผ่าน เเสดงว่าเเย่มาก - ผลผลิตที่ 3 เรื่องหน่วยงานเเละเครือข่ายได้รับการพัฒนาเเละประเมิน
ไม่ชัด เรื่องวิธีการวัด
ตัวชี้วัดต้องคิดใหม่
ทำวิจัยเพื่อฝึกมือต้องลดลง
เเต่ต้องทำตอบนโยบาย - ผลผลิตที่ 4หน่วยงานเเละเครือข่ายได้รับการสนับสนุน
(ฟังไม่ทัน เพราะผมเริ่มคุยกับคนที่นั่งข้างๆ จากสำนักวัณโรค ฮิๆ)
ในสายเเละตอนบ่าย
ได้เเบ่งกลุ่ม 4 กลุ่มเพื่อทบทวนเเละให้เสนอ Keyword
เพื่อใช้กำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจของกรม
มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง
โดยตอนท้ายให้เเต่ละกลุ่ม
นำเสนอในที่ประชุมใหญ่ซึ่งมีท่านอธิบดีนั่งฟังด้วย
คงต้องรอต่อไป
เพราะหลังจากนี้ผู้บริหารจะไปประชุมเเละสรุปออกมา
จากนั้นจะส่งให้ สำนักเเละสคร ให้ความเห็นกันต่อไป
สุดท้าย
ผมนำภาพบรรยากาศในที่ประชุมมายืนยันว่าผมไปมาจริงๆ
ขอบคุณครับ
น่าสนใจมากค่ะ
ตอบลบ