วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

เพลงยาวถวายโอวาท

วันนี้มีโอกาสได้อ่านเพลงยาวถวายโอวาท
ซึ่งผมเคยเรียนเมื่อตอนสมัยมัธยม

ขอนำมาเล่าอีกครั้งโดยเลือกเอาเฉพาะบทที่กระเเทกใจผม
ลองอ่านดูนะครับ
สาระยังสามารถนำมาใช้ได้ในอย่างดีในปัจจุบัน

(ลอกเขามาจากเว็บ เพลงยาวถวายโอวาท
สุนทรภู่แต่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งกล้าเจ้าอยู่หัว
ขณะที่ไปบวชอยู่ที่วัดราชบูรณะ
สันนิษฐานว่า จะแต่งประมาณปี พ.ศ. ๒๓๗๓
เวลานั้นเจ้าฟ้าอาภรณ์ทรงพระเจริญ
เสด็จออกไปอยู่วังนอก
สมเด็จกุฌฑลทิพยวดีพระมารดา
ทรงมอบสมเด็จพระราชโอรส
ซึ่งยังทรงพระเยาว์อยู่อีกสองพระองค์คือ
สมเด็จเจ้าฟ้า ฯ กรมพระยาบำราบปรปักษ์ หรือเจ้าฟ้ากลางกับเจ้าฟ้าปิ๋ว
ให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ ตามเยี่ยงอย่างที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ได้ทรงเคยมอบเจ้าฟ้าอาภรณ์
ซึ่งเป็นพระเชษฐาองค์ใหญ่ให้เป็นศิษย์มาแต่ก่อน
ต่อมาสุนทรภู่เกิดอธิกรณ์ถูกขับไล่ให้ออกจากวัดราชบูรณะ
จึงคิดจะออกไปอยู่ตามหัวเมือง
เมื่อสุนทรภู่จะไปจากวัดราชบูรณะ
จึงได้แต่งเพลงยาวบทนี้ทูลลา
และถวายโอวาทเจ้าฟ้าซึ่งเป็นศิษย์ทั้งสองพระองค์
แล้วขึ้นไปพระนครศรีอยุธยา
ในคราวที่แต่งนิราศภูเขาทอง
แต่มิได้ไปยังหัวเมืองช้านานเหมือนอย่างที่ได้คิดไว้เดิม
ได้ขึ้นไปเพียงพระนครศรีอยุธยา แล้วเปลี่ยนความคิดกลับลงมาอยู่วัดอรุณ ฯ )

บทที่ผมชอบ....................

หนึ่งนักปราชญ์ราชครูซึ่งรู้หลัก
อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย
อุตส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน
จึงจักได้รู้รอบประกอบการ


หนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ
จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน
หนึ่งคนมนต์ขลังช่างชำนาญ
แม้พบพานผูกไว้เป็นไมตรี

เขาทำชอบปลอบให้น้ำใจชื่น
จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี
ปรารถนาสารพัดในปัถพี
เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง

แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก
เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี
อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี
เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย

อันคนดีมีสัตย์สันทัดเที่ยง
ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย
เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย
เขารักตายด้วยได้ด้วยใจตรง


อันโซ่ตรวนพรวนพันมันไม่อยู่
คงหนีสู้ซ่อนหมุนในฝุ่นผง
แม้นผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์
อุตส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย

อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก
แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย
แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย
เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ

อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ
ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก
จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย

1 ความคิดเห็น: