วันที่ 10-12 มีนาคม 2553
มีหัวข้อการสัมมนาที่น่าสนใจต่างๆมากมาย
เเต่มีหัวข้อหนึ่งที่ผมกากบาทไว้ว่าจะเข้าไปฟัง คือ
หัวข้อ"Getting research into policy and practice"
โดย
1. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค
2. ผศ.ดร.นพ.สุขุม เจียมตน ม.มหิดล
ดำเนินการเสวนา โดย
นพ.เฉวตสรร นามวาท สำนักระบาดวิทยา

การเขียนอาจจะดูไม่ปะติดปะต่อตามหลักภาษาศาสตร์
เเต่คนพอมีปัญญาอยู่บ้าง คงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก

ได้กล่าวเรื่องขั้นตอนการควบคุมโรค
Prevention--> Control-->Elimination-->Eradication
How to handle Public Health Tasks.
- Epidemiology
- Natural History
- Public Health Mind
-Prevention+Promotion
-IT
-Research Mind
-Learning Person
งานวิจัยในความฝันของกรม (Dream)
- เป็นประโยชน์-->เเก้ปัญหา-->พัฒนางาน
- คุณภาพ--> ระเบียบวิธีวิจัย+จริยธรรม
- ทำงานเป็นทีม+เครือข่าย
- การสนับสนุนการวิจัยที่ดี
ปัจจัยสำคัญ
- โจทย์วิจัย
- ระเบียบวิธีวิจัย
- คน
- Basic Statistics
โจทย์สำคัญ
- ตอบโครงการของการป้องกันควบคุมโรค หลายโครงการดีเเต่ยังไม่เคลียร์ ยกตัวอย่างเช่น สุขภาพดีวิธีไทย การจัดการสิ่งเเวดล้อม เป็นต้น
- การพัฒนามาตรฐาน/นโยบายในการป้องกันควบคุมโรค เช่น คำตอนเกี่ยวกับนโยบายปิดโรงเรียนระหว่างการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
- พัฒนาเเนวทางการให้บริการ เช่นการรักษา MDR-TB จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลทุกรายหรือไม่ เป็นต้น
- การบริหารทิศทาง ทุกวันนี้มีความเข้าใจไม่ชัดเจนระหว่าง
นโยบาย<==>หลักฐานเชิงประจักษ์
พัฒนาคน
ชอบเรียนไปทำไม การเรียนที่เเท้จริงคือการทำงาน
ในเเต่ละสคร/สำนักควรมี 5 เสื้อวิจัย คือคนที่เก่งในสาขาต่อไปนี้
- Methodology
- Statistics
- Economics
- Social Sciences
- Policy Research
ระบบวิจัยของกรม
- policydriven research
- policy linked research
M&E
- Ethical Committee
ประโยคเด็ดที่ท่านได้ย้ำคือ
"อาจทำงานประจำให้เป็นงานวิจัย
ไม่ใช่งานวิจัยเป็นงานประจำ"
การจัดการงานวิจัย
กรมวางให้สถาบันบำราศนราดูรเป็น Clinical Research Center
ข้อพึ่งระวัง!!!
- Recycle โจทย์วิจัย
- วิจัยที่ไม่ได้มาตรฐาน
- การวิจัยที่ทำคนเดียว
- ท่านได้พูดถึงผู้บริหารโดยเฉพาะใน สคร ที่ยังมีความ "เหนาะเเนะ"
(ผมไม่กล้าให้นิยาม เพราะบารมีไม่ถึง)
ท่านได้พูดถึงความเปลี่ยนเเปลง
เเกนการปฏิบัติงาน ต้องสมดุลกัน
เเกน X= วิชาการ
เเกน Y= ปฏิบัติงาน
Nature of Work
Simple Stable ->Risk Management->Complex unstable->Crisis Management
Dynamix------------------------------->
ผลจากการบริหารที่ดี
ลด Crisis Management-->ลด risk Management-->เกิด Simple Stable (Systematic)
Proactive --> Ahead of Change
Ahead of Change= Start Now!!!
How to Change
- Mindset
- Start from self
- Abrupt (self) & Gradual (system)
- Teamwork

ความเห็นของหมอโรจน์
(หมอตัวน้อยๆในซอกเล็กๆของกรมควบคุมโรค)
อุปสรรคที่ท้าทายที่ควรนำไปพิจารณา...................
- การเปิดทางให้กับการวิจัย: คนจะทำวิจัย ไม่มีใครสนับสนุนเลย ทุกทางออกมีปัญหารออยู่เเล้ว หลายครั้งเป็นปัญหาที่มีคนตั้งใจให้เกิดปัญหา (ไม่กล้ายกตัวอย่าง เพราะคงเข้าใจกันดี)
- ความใจกว้างของผู้บริหาร : หัวหน้าไม่อยากให้ลูกน้องดีกว่า หัวหน้าจิกหัวเอาผลงานของลูกน้องไปเป็นของตัวเอง หัวหน้าใช้อำนาจเเละบารมีบังคับให้ลูกน้องทำเเทน หัวหน้าหน้าด้านขึ้นไปรับรางวัลเเทน เป็นต้น
- งานวิจัยที่เจ้านายเเอบทำเพื่อสนองอำนาจใครบางคน: ทั้งที่เป็นงานที่ไม่มีคุณภาพ ช่างกล้า!!
- จริยธรรมการวิจัยของผู้วิจัยเอง: ไม่ค่อยหน้าห่วง เพราะมี "บาปบุญคุณโทษ เวรกรรม" รอเล่นงานเเทนกรมอยู่เเล้ว
- เงินทุนวิจัย ระเบียบการใช้เงิน กลเม็ดการใช้เงิน: ไม่ยืดหยุ่น ไม่สะท้อนความเป็นจริง กลัวมากไปโดนสัณณิฐานไว้ก่อนว่านักวิจัยทุจริตจนกว่าจะมีการพิสูจน์ ซึ่งนักวิจัยในคราบจอมโจรก็ผ่านการพิสูจน์ได้อย่างสบายๆ เเละมีให้เห็นประปราย!!!
- การสร้างนักวิจัย : มีเเต่การอบรมกันเข้าไป ไม่ทำจริง นักวิจัยไม่ขนขวาย เข้าหาคนไม่เป็น ไม่ยอมคน ข้าขอเก่งคนเดียว
- ตัวชี้วัด<=>คุณภาพ เอาอันไหนเเน่ สุดท้ายไม่ได้ทั้งตัวชี้วัดเเละไม่ได้คุณภาพ
- ไม่มีมือทำ : งานสัพเพเหระเต็มไม้เต็มมือไปหมด โดยเฉพาะงานเสนอหน้าให้เจ้านายเห็น
- Information System : เรื่องใหญ่ ไว้ขออธิบายอีกหนึ่งหัวข้อดีกว่า
- Streak holder Analysis นักวิจัยกรม.คร ขาดทักษะนี้เป็นอย่างมาก
- Policy <=> Routine, Policy<=> Evidence(s) เอาอย่างไรกันเเนะ!!!
- Group working (ในฝัน) --> JIG(จิก) working (เจ้านายจิกหัว สั่งให้ทำ)
- นักวิจัยเขียนผลงานไม่เป็น เเละไม่พยายามที่จะเขียนให้ดีขึ้น
หวังว่าสิ่งที่ผมได้ขีดเขียนไว้คงจะพอเป็นข้อมูลนำเขา
เพื่อนำไปใช้พัฒนาการวิจัยต่อไป.
โปรดติดตามชมตอนต่อไปครับ
เรียน คุณหมอไพโรจน์ ค่ะ...
ตอบลบพี่ท้อไม่ได้เปิดดูบล็อกของคุณหมอเสียนาน
เนื่องจากเดินทางไปประชุมบ่อยมาก ค่ะ (ข้ออ้างหรือปล่าวววว..น๊า!)
วันนี้มีโอกาสจึงเปิดดู คงต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมากๆที่มีข้อความให้ความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงๆค่ะ