วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ"กลับหัวคิด มองโลก 80%"

กลับหัวคิด มองโลก 80%


วันนี้สบายๆ ผมขออ่านหนังสือที่ซื้อมาระยะหนึ่งเเล้วเเต่ยังไม่มีเวลา
หนังสือชื่อ ตามที่ผมพาดหัวไปเเล้ว
ผู้เเต่งคือหมอไซโต้ ชิเงตะ ซึ่งท่านเป็นจิตเเพทย์ชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น
ท่านมีผลงานด้านจิตวิทยามามากมาย


ย้อนกลับไปนิดหนึ่ง ผมรู้จักหนังสือนี้จากเว็บไซด์
เขาเกริ่นนำได้น่าสนใจ ผมจึงซื้อเก็บไว้ เเล้วรอโอกาสที่จะมานั่งอ่าน
พออ่านไปยิ่งชอบ ยิ่งสนุก มีประเด็นปลีกย่อยมากมาย

ได้มุมคิดใหม่ๆ ในเรื่องเดิมๆที่ผมต้องเจออยู่ทุกวัน
ผมคงไม่มีปัญญาถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด
ใครสนใจก็ไปหาซื้อมาอ่านได้

ผมขอยกประเด็นที่น่าสนใจ
ทั้งที่ผมรู้อยู่เเล้วเเละที่ผมยังไม่รู้มานำเสนอ

(ขอโทษด้วยสำหรับคนที่รู้ดี อวดดีเเละ
คนที่เป็นเหมือนเเก้วที่น้ำเต็มเเล้ว
ขออย่าได้มาอ่าน
เพราะท่านจะมาทำให้บล็อกผมปนเปื้อน
เเค่ทุกวันนี้ ชีวิตผมก็วิกฤตพอเเล้ว)



เข้าเรื่อง.................

ผู้เเต่งได้อธิบายไว้ในคำนำว่า

หนังสือเล่นนี้จะอธิบายเรื่องการควบคุมจิตใจ

ในยามที่เราตกในภาวะวิกฤตต่างๆในชีวิต

ว่าเราควรคิดเเละทำอย่างไร ???

ถึงตรงนี้ไม่ทราบว่าน่าสนใจหรือยังครับ???

เขาทีประเด็นทั้งหมด 40 ประเด็น

เขาเริ่มด้วยการให้เรารู้จักเเละเข้าใจตัวเอง

เป็นหลักการพื้นๆที่พวกเราทราบดีอยู่เเล้ว

เเละจงพอใจกับสิ่งที่ได้มา

"ต้องถือว่าได้มาเเค่นี้ก็ถือว่าดีเเล้ว"

การมุ่งหวังสิ่งที่สมบูรณ์ 100%

จะเป็นเเนวคิดที่ไม่ผ่อนผัน ไม่หยืดหยุ่น

คนฉลาดควรเก็บออมกำลังไว้สัก 20%

เพราะจะมีเวลาคิดพิจารณาสถานการณ์รอบข้าง

จะได้ไม่อึดอัน ไม่สะดวกสบาย

เเต่อย่างไรต้องไม่ลืมที่จะเรียนรู้เเละพัฒนาต่อไปสม่ำเสมอ

เขายังได้เล่าถึง ความเครียดที่มีทั้งดีเเละไม่ดี


ที่น่าให้ความสำคัญคือ

อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ให้ลองจัดลำดับความสำคัญของงาน

เช่น งานตายตัว งานอาชีพ งาน.....

งานที่ค้างไว้จะทำวันนี้ให้เสร็จหรือจะค้างต่อไปทำพรุ่งนี้

มีหลักคิดดังนี้

  1. งานที่เริ่มวันนี้ควรให้เสร็จวันนี้

  2. งานที่ตั้งใจว่าจะให้เสร็จวันนี้ก็ควรทำให้เสร็จ

  3. ไม่ค้างงานจุกๆจิกๆ ไว้พรุ่งนี้ เพราะ เราจะลืม

  4. มีเหตุผลเพียงพอที่จะค้างงานไว้ทำต่อพรุ่งนี้

เเถมย้ำเรื่องการเอาใจเขามาใส่ใจเรา อ่อนน้อมถ่อมตน

เเละมีทักษะในการสนทนา เช่น

ควรเลือกคำพูดที่เป็นเชิงบอกเล่าเเทนที่ประโยคปฏิเสธ

เช่น ใช่เเล้ว, เข้าใจเเล้ว, เป็นอย่างนั้นจริงๆ , อืมใช่

ไม่ควรใช้คำว่า เดี๋ยวก่อน ไม่น่าใช่ หรือ.........

เเละควรมีการใช้คำเชื่อมระหว่างคำพูด

โดยการทวนคำพูดเช่น วันนี้ผมไปที่ ตปท มา

เหรอครับ ไป ตปท มาหรือครับ เป้นต้น

จำไว้ว่าพยายามอย่าใช้คำเชิงปฏิเสธ!!!


ประเด็นอื่นๆเช่น

  • คนเราต้องมีความน่ารักอยู่ในตัวบ้างเเละเปิดเผยตัวตนออกมาบ้างเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกอุ่นใจขึ้น
การทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆบ้างไม่เป็นไร เเต่ต้องไม่ทะเลาะกันจนทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำน้ำใจสรุปเป็นหลักได้ว่า

  • ไม่ควรทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
  • ไม่วิจารณ์คนในครอบครัว เช่น ได้พ่อได้เเม่มาเต็มๆ หรือ ชั่วถอดพ่อมันมาเลย
  • ไม่ติเตียนข้อบกพร่องทางร่างกายอีกฝ่าย เช่น ไอ้หัวล้าน ไอ้อ้วน ไอ้เเก่ เป็นต้น

  • ไม่ใช้คำพูด ที่ให้อีกฝ่ายสูญเสียความมั่นใจ

-ฝึกเป็นคนยิ้มเก่งเเละเลิกขู่เงียบ

การขู่เงียบคือ เมื่อเราทำผิดพลาดเเล้ว ยังจมอยุ่กองทุกข์เเละคร่ำครวญ

เเต่การเเสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้าคนอื่นนั้น เเม้ไม่ได้พูดอะไร

ก็เหมือนการขู่อยู่ดี

เราต้องเปลี่ยนเป็นการกล้าที่จะทักทาย

หรือขอโทษ หรือรับผิดต่อสิ่งที่เราทำไปเเล้ว

  • เรื่องการเปลี่ยนตัวเองให้มีเสน่ห์ มีหลายหลักการ

เช่นการเเสดงท่าทางหรือสายตา

เเต่เรื่องที่น่าสนใจคือ การชมเชย

เขายกประโยคนี้มาเป็นหัวข้อ............

"การดุว่าคนโดยปราศจากความปราถนาดี

ใช่ว่าจะกระตุ้นให้เขาลุกขึ้นมาพิสูจน์ได้เสมอไป"

  • การทำงานเราควรเปลี่ยนงานให้เเตกต่าออกไปทุก 2 ชั่วโมงเพื่อผ่อนคลาย
    เเละจะทำงานให้ดีขึ้น


  • มาเป็นคนดีที่ใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เป็นคนดี" กันเถอะ

  • เขาบอกว่าคนเก่งเป็นการชมเชิงเปรียบเทียบ ภายใต้สถานการณ์ใด สถานการณ์หนึ่งเท่านัน

  • ส่วนการได้รับคำชมว่า เป็นคนดีจากคนอื่นๆ เป็นเสียงเดียวกันต้องถือเป็นเกียรติอันสูงส่งของคนนั้น

ประเด็นต่อไป คือเราควรมีเรื่องที่เด่นๆสักเรื่องในที่ทำงาน

คิดเเง่บวก มีความสงบทางใจ

เเละโอกาสจะเป็นของคนร่าเริงก่อนเสมอ!!!

เเละสุดท้าย จงมีคำพูดที่ตัวเองประทับใจ

เเละถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นตำนานของตนออกมา

ใครมีโอกาสลองหาเวลาอ่านเล่มนี้ดูนะครับ

มีประเด็นปลีกย่อยอีกมากมายที่น่าสนใจเเละผมได้ได้ยกมาหมด

หวังว่าสิ่งที่ผมเล่ามาคงจะเกิดประโยชน์บ้างนะครับ


ย้ำว่า อย่าคาดหวังอะไร 100% ไปเสียทุกอย่าง

ขอเเค่ 80% ก็พอเเล้วครับ!!!


(โปรดติดตามหนังสือเล่มต่อไปเร็วๆนี้

ยังมีอีกหลายเล่มที่ผมอ่านเเล้ว เเต่ไม่มีเวลาพิมพ์)

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 มีนาคม 2553 เวลา 16:16

    เรียน คุณหมอไพโรจน์ ค่ะ
    พี่ท้ออ่านแล้วได้ข้อคิดที่ต้องนำไปพัฒนาตนเองเพื่อการทำงานจะได้มีความสุขมากขึ้นค่ะ ..ขอขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  2. ดีจังอยากได้อ่านบ้าง

    แต่ทุกวันนี้่พยายามมอง,คิดและทำในแง่บวกเสมอ Endophrine จะได้หลั่ง

    ตอบลบ