เข้าเรื่อง.................
ผู้เเต่งได้อธิบายไว้ในคำนำว่า
หนังสือเล่นนี้จะอธิบายเรื่องการควบคุมจิตใจ
ในยามที่เราตกในภาวะวิกฤตต่างๆในชีวิต
ว่าเราควรคิดเเละทำอย่างไร ???
ถึงตรงนี้ไม่ทราบว่าน่าสนใจหรือยังครับ???
เขาทีประเด็นทั้งหมด 40 ประเด็น
เขาเริ่มด้วยการให้เรารู้จักเเละเข้าใจตัวเอง
เป็นหลักการพื้นๆที่พวกเราทราบดีอยู่เเล้ว
เเละจงพอใจกับสิ่งที่ได้มา
"ต้องถือว่าได้มาเเค่นี้ก็ถือว่าดีเเล้ว"
การมุ่งหวังสิ่งที่สมบูรณ์ 100%
จะเป็นเเนวคิดที่ไม่ผ่อนผัน ไม่หยืดหยุ่น
คนฉลาดควรเก็บออมกำลังไว้สัก 20%
เพราะจะมีเวลาคิดพิจารณาสถานการณ์รอบข้าง
จะได้ไม่อึดอัน ไม่สะดวกสบาย
เเต่อย่างไรต้องไม่ลืมที่จะเรียนรู้เเละพัฒนาต่อไปสม่ำเสมอ
เขายังได้เล่าถึง ความเครียดที่มีทั้งดีเเละไม่ดี
ที่น่าให้ความสำคัญคือ
อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ให้ลองจัดลำดับความสำคัญของงาน
เช่น งานตายตัว งานอาชีพ งาน.....
งานที่ค้างไว้จะทำวันนี้ให้เสร็จหรือจะค้างต่อไปทำพรุ่งนี้
มีหลักคิดดังนี้
- งานที่เริ่มวันนี้ควรให้เสร็จวันนี้
- งานที่ตั้งใจว่าจะให้เสร็จวันนี้ก็ควรทำให้เสร็จ
- ไม่ค้างงานจุกๆจิกๆ ไว้พรุ่งนี้ เพราะ เราจะลืม
- มีเหตุผลเพียงพอที่จะค้างงานไว้ทำต่อพรุ่งนี้
เเถมย้ำเรื่องการเอาใจเขามาใส่ใจเรา อ่อนน้อมถ่อมตน
เเละมีทักษะในการสนทนา เช่น
ควรเลือกคำพูดที่เป็นเชิงบอกเล่าเเทนที่ประโยคปฏิเสธ
เช่น ใช่เเล้ว, เข้าใจเเล้ว, เป็นอย่างนั้นจริงๆ , อืมใช่
ไม่ควรใช้คำว่า เดี๋ยวก่อน ไม่น่าใช่ หรือ.........
เเละควรมีการใช้คำเชื่อมระหว่างคำพูด
โดยการทวนคำพูดเช่น วันนี้ผมไปที่ ตปท มา
เหรอครับ ไป ตปท มาหรือครับ เป้นต้น
จำไว้ว่าพยายามอย่าใช้คำเชิงปฏิเสธ!!!
ประเด็นอื่นๆเช่น
- คนเราต้องมีความน่ารักอยู่ในตัวบ้างเเละเปิดเผยตัวตนออกมาบ้างเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกอุ่นใจขึ้น
- ไม่ควรทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
- ไม่วิจารณ์คนในครอบครัว เช่น ได้พ่อได้เเม่มาเต็มๆ หรือ ชั่วถอดพ่อมันมาเลย
- ไม่ติเตียนข้อบกพร่องทางร่างกายอีกฝ่าย เช่น ไอ้หัวล้าน ไอ้อ้วน ไอ้เเก่ เป็นต้น
- ไม่ใช้คำพูด ที่ให้อีกฝ่ายสูญเสียความมั่นใจ
-ฝึกเป็นคนยิ้มเก่งเเละเลิกขู่เงียบ
การขู่เงียบคือ เมื่อเราทำผิดพลาดเเล้ว ยังจมอยุ่กองทุกข์เเละคร่ำครวญ
เเต่การเเสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้าคนอื่นนั้น เเม้ไม่ได้พูดอะไร
ก็เหมือนการขู่อยู่ดี
เราต้องเปลี่ยนเป็นการกล้าที่จะทักทาย
หรือขอโทษ หรือรับผิดต่อสิ่งที่เราทำไปเเล้ว
- เรื่องการเปลี่ยนตัวเองให้มีเสน่ห์ มีหลายหลักการ
เช่นการเเสดงท่าทางหรือสายตา
เเต่เรื่องที่น่าสนใจคือ การชมเชย
เขายกประโยคนี้มาเป็นหัวข้อ............
"การดุว่าคนโดยปราศจากความปราถนาดี
ใช่ว่าจะกระตุ้นให้เขาลุกขึ้นมาพิสูจน์ได้เสมอไป"
- การทำงานเราควรเปลี่ยนงานให้เเตกต่าออกไปทุก 2 ชั่วโมงเพื่อผ่อนคลาย
เเละจะทำงานให้ดีขึ้น
- มาเป็นคนดีที่ใครๆก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เป็นคนดี" กันเถอะ
- เขาบอกว่าคนเก่งเป็นการชมเชิงเปรียบเทียบ ภายใต้สถานการณ์ใด สถานการณ์หนึ่งเท่านัน
- ส่วนการได้รับคำชมว่า เป็นคนดีจากคนอื่นๆ เป็นเสียงเดียวกันต้องถือเป็นเกียรติอันสูงส่งของคนนั้น
ประเด็นต่อไป คือเราควรมีเรื่องที่เด่นๆสักเรื่องในที่ทำงาน
คิดเเง่บวก มีความสงบทางใจ
เเละโอกาสจะเป็นของคนร่าเริงก่อนเสมอ!!!
เเละสุดท้าย จงมีคำพูดที่ตัวเองประทับใจ
เเละถ่ายทอดเรื่องราวที่เป็นตำนานของตนออกมา
ใครมีโอกาสลองหาเวลาอ่านเล่มนี้ดูนะครับ
มีประเด็นปลีกย่อยอีกมากมายที่น่าสนใจเเละผมได้ได้ยกมาหมด
หวังว่าสิ่งที่ผมเล่ามาคงจะเกิดประโยชน์บ้างนะครับ
ย้ำว่า อย่าคาดหวังอะไร 100% ไปเสียทุกอย่าง
ขอเเค่ 80% ก็พอเเล้วครับ!!!
(โปรดติดตามหนังสือเล่มต่อไปเร็วๆนี้
ยังมีอีกหลายเล่มที่ผมอ่านเเล้ว เเต่ไม่มีเวลาพิมพ์)
เรียน คุณหมอไพโรจน์ ค่ะ
ตอบลบพี่ท้ออ่านแล้วได้ข้อคิดที่ต้องนำไปพัฒนาตนเองเพื่อการทำงานจะได้มีความสุขมากขึ้นค่ะ ..ขอขอบคุณค่ะ
ดีจังอยากได้อ่านบ้าง
ตอบลบแต่ทุกวันนี้่พยายามมอง,คิดและทำในแง่บวกเสมอ Endophrine จะได้หลั่ง