วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นำเสนอการสอบสวนโรคระบาดตาเเดง

ผ่านไปด้วยดีเเล้วครับ สำหรับการนำเสนอการสอบสวนโรคตาเเดงในเรือนจำ
ที่โรงเเรมอิสติน มักกะสัน

เมื่อวันที่ 16 ธันวา 52

ผู้วิพากษ์ได้เเก่ หมอวิทยา จาก รพ.เเม่สอด
หมอสมศักดิ์ วัฒนศรี เเละหมอโรม บัวทอง จากสำนักระบาด

มีเเฟนคลับมารอฟังด้วย

ส่วนหนึ่งมารอชื่นชม อีกส่วนมารอสมน้ำหน้า
อีกส่วนคือพวกจองกฐินผมไว้ตั้งเเต่เเรก

ผมส่งไฟล์รูปบรรยากาศไว้เป็นที่ระลึก

ฮ่าๆๆๆ ทีม สคร.8 สร้างปาฏิหารย์ตั้งเเต่เริ่มเเรก
เพราะทีมพร้อมใจสวมเสื้อสีเเสดของ SRRT มาพร้อมรับศึกเเบบไม่ได้นัดหมายกันล่วงหน้า




ก่อนนำเสนอผมได้สถาปนาพี่หมอพรานเป็นco-advisor
พี่พรานให้ความเห็นเพิ่มว่า ผมควรทำepi curve เพิ่ม
โดยให้เเยกเป็นเเต่ละโรงนอน

ผลออกมาเห็นว่าเป็น common source ประมาณ 3 โรงนอน
ผมมีเวลาเตรียมไสด์ 1 วัน 1 คืน

วันนำเสนอตอนเช้า ผมได้ทำความรู้จักกับหมอวิทยา
พี่เขาบอกว่ายังไม่ได้อ่านงานของผมเลย
พี่จะฟังไปเเละถามไป สดๆ

เเละเนื่องด้วยผมต้องเตรียมกันสดๆ เลยโดนพี่วิทยาเเซวว่า สดจริงๆ
เเละจะรอฟังอย่างใจจดจ่อ เเล้วยิ้มด้วยสายตาเป็นมิตร
ทำให้ผมสบายใจเป็นอย่างยิ่ง

ทีมเเรกนำเสนอ เป็นหมอตาจาก กทม มานำเสนอโรคตาเเดง
จนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
คือผู้วิพากษ์เถียงกันเพราะไม่เห็นด้วยซึ่งกันเเละกัน

สุดท้ายผู้จัด ให้หยุดการวิพากษ์เเละบอกว่าสามารถเห็นต่างได้
บรรยากาศจึงเย็นลง

ผมเเอบกระซิบกับพี่พรานว่า งานเข้าผมเเน่ๆ
พี่พรานบอกไม่เป็นไร สบายๆ
เเละให้หนังสือผมมา1 เล่ม
บอกว่าถ้าเขาถามเรื่องระยะฟักตัว
ให้เปิดหน้านี้ยันเลย(พร้อมคั่นหนังสือให้ด้วย)

ผมเริ่มบรรยายด้วยการออกตัวว่า ไม่ใช่หมอตา
เเละออดอ้อนอย่างเกินงาม

จนพี่วิทยาเเซวเเบบยิ้มๆ เเทรกมาว่า "ไพโรจน์เลิกอ้อนได้เเล้ว"

ส่วนหมอสมศักดิ์ก็บอกว่า "ดูจากชื่อ ไม่ใช่หมอตาเเน่ๆ"

การบรรยายราบรื่นดี จนจบ มีเสียงฮือฮ่าเเละหัวเราะประปราย
หลายจุดผมบอกไปตรงๆว่าเป็นข้อผิดพลาดที่ผมรู้เเต่ผมไม่ยอมรับ




จนถึงตอนจบ ต้องกล่าวขอบคุณ
ผมก็พรรณาความดีงาน
ของ ผอ สคร8 ของผม พี่หมอนุช เเละหมอพราน
เเอบเเซวหมอพรานว่า "พี่เขาเป็น my idol ผมเลย"
พี่วิทยาเเอบเเซวเเบบยิ้มๆว่า "จะจบหรือยัง"
ส่วนพี่พรานตะโกนบอกว่า "ชมพอได้เเล้ว คนเริ่มคลื่นใส้เเล้ว"
เริ่มการวิพากษ์โดยหมอสมศักดิ์ว่า การนำเสนอดี ฟังเเล้วเพลิน
เสียอย่างเดียวที่ไปชมพี่พรานว่าเปน my idol
เเละสงสัยว่าผมจะมีเมีย/เเฟนหลายคน(เพราะดูจากคารมหรือเปล่าไม่รู้)

หมอวิทยาก็ชมเเต่ก็มีประเด็นที่ขอให้ความเห็นเพิ่มเติม


ผมตอบเท่าที่ตอบได้ ไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ ไม่ได้เถียง???
ถือว่าเป็นข้อคิดเห็นทางวิชาการ ไม่ใช่การจับผิด ตอบเเบบสบายๆ (ส่วนใหญ่ไม่ได้ตอบ)

สรุปเนื้อหาที่ถูกวิพากษ์คือ

  • เรื่องโรงนอนที่2 ว่าทำไมถึงมีattack rate น้อย น่าจะลงไปดู
  • หมอสมศักดิ์บอกว่ามันสัมพันธ์กับอาการทางระบบประสาทได้ ถามว่าระบาดครั้งนี้เจอคนไข้ที่มีอาการทางระบบประสาทกรือไม่ ผมตอบว่าไม่มี
  • เรื่องจัดการน้ำ ไม่คิดว่าเรือนจำจะมีข้อจำกัดมาก
  • หมอโรมถามเรื่องการทบทวนระบาดในอดีตในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง เพราะผมนำเสนอเเต่ของต่างประเทศไม่เหนมีรายงานในไทย(ไปเเบบน้ำขุ่นๆ) เพราะผมค้นเจอจาก pubmed มีคนบอกว่ามีใน annual report ของสำนักระบาด เเละเเอบเเซวพี่พรานทำไมไม่บอกผม พี่พรานตอบไปว่า "ก็มันพึ่งสถาปนาผมเมื่อกี้นี้เอง"
  • หมอสมศักดิ์บอกว่า เชื้อมีมาหลายชาติเเล้วเเต่พึ่งมีรายงานครั้งเเรกเมื่อปี 69 ให้ผมพูดให้ถูก เเล้วก็ให้ความเห็นเรื่องการควบคุมโรคว่า ด้วยทรัพยากรที่จำกัด อาจทำได้ไม่เต็มที่ เเละคงจะไปทำ analytic study ไม่ได้เพราะเยอะมาก (เเต่พี่วิทยาเเอบมากระซิบที่หลังว่า เลือกมาทำสัก 50-60 รายก็ได้ ไม่ต้องทำทั้งหมด) ทั้งชมเเละซักผมเรื่องโรงนอนต่างๆ อย่างมาก

วันนี้มีโรคตาเเดงหลายที่มานำเสนอเลยเกิดการเปรียบเทียบ เเต่ก็ถูกเเอบเเซวเล็กน้อย เพราะมีนักโทษตาเเดงไปเเค่ 800 คน ที่อื่นเเค่ 80 คน

(หมอปรีชา สำนักระบาด(รู้จักกันกับผมดี)มาเเซวผมตอนกินกาเเฟว่า สู้ของทีมของเขาไม่ได้


สุดท้ายก็จบการนำเสนอไปด้วยดี เเละผมก็สามารถไปกินข้าวได้อย่างสบายใจ
นั่งฟังการนำเสนอเเละการวิพากษ์ได้ความรู้ด้านสอบสวนโรคขึ้นมาอย่างมาก
ทำให้รู้ว่าหมอนักระบาดเขามีมุมมอง วิธีคิดอย่างไร เเละผมต้องไปเติมความรู้ตรงไหน อย่างไร เเต่ผมคงทำไม่ได้เพราะไม่มีเเรงเเละหมดไฟเเล้ว
หลายอย่างก็คล้ายกับหมอสาขาอื่นๆ หลายอย่างก็เป็นวิธีเฉพาะ
ทำให้อยากไปเทรน FETP จริงๆเสียเเล้ว(พูดเล่นนะครับ )

การมาอบรมทำให้ทราบว่างาน field epidemiology มีเสน่ห์ไปอีกเเบบ

ตอนเเรกผมไม่ค่อยสบายใจเพราะเคยเรียนมาเเต่ clinical epi/research methodology
มาเจอ field epidemiology ที่ทำงานภายใต้ข้อจำกัด
ไม่ตรงตามระเบียบวิธีวิจัยเเบบตรงไปตรงมาเเละมีมุมมองอีกมุม เเต่ก็ควบคุมโรคได้


ยิ่งฟังการวิพากษ์เเล้ว ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเป็นกอง
สงสัยต้องฝากตัวเป็นศิษย์ประจำกับสำนักระบาดเสียเเล้ว
เผื่อจะทำให้ความรู้เรื่องควบคุมโรคของผมดีขึ้นมาบ้าง

เเต่จะให้ไปเรียน FETP เเละต้องออกสอบสวนโรคเองตลอด
สงสัยว่าผมจะไม่มีเเรง


หลังจากนำเสนองานในโครงการสร้างผู้เชี่ยวชาญของกรมในวันที่ 24 ธค (เเละร้องเพลงในงานเลี้ยงปีใหม่ของ สคร.8 ในคืนเดียวกัน) ผมจะปิดทัวร์นาเมนต์การนำเสนองานของปีนี้เเล้ว

เเละกะว่าจะไม่ไปนำเสนองานอีกสักระยะใหญ่ๆ เพราะเหนื่อยมาก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น